พูดถึงประเทศ “จีน” แล้ว คงไม่มีคนไทยคนไหนที่ไม่รู้จัก คนบ้านเราไปเที่ยวบ้านเขาพอๆกับที่คนบ้านเขามาเที่ยวบ้านเรา ถ้าคนไทยจะไปเที่ยวเมืองจีนกับทัวร์คงไม่มีอะไรยากเพราะอะไรที่ยากๆทัวร์ก็จัดการให้เราหมดแล้ว หรือถ้าไปเที่ยวเองด้านทางภาคตะวันออกเช่น เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง เซินเจิ้น ก็ไม่ยากมากเพราะมีคนจีนที่สามารถพูดภาษาอังกฤษคอยช่วยเราอยู่เสมอ แล้วถ้าเราไปด้านภาคตะวันตกของประเทศเช่น มณฑลซินเจียง, มณฑลกานซู, มณฑลชิงไห่ ละครับ การซื้อซิมโทรศัพท์มือถือนี่คือการผจญภัยเล็กๆเลยละครับ
ปัจจุบันนี้อินเตอร์เน็ตมีส่วนสำคัญอย่างมากที่ทำให้เราเที่ยวได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการดูแผนที่ หาที่กิน หาที่เที่ยว หรือหาที่พัก ดังนั้นปัจจุบันถ้าไปเที่ยวแล้วขาดอินเตอร์เน็ตนี่อย่างกับขาดใจเลยครับ
ดังนั้นโจทย์ของผมก่อนเดินทางก็คือ ตอนที่ไปเมืองจีนจะเอามือถือไปเล่นอินเตอร์เน็ตที่นั่น จะซื้อซิมที่นั่นหรือจะซื้อโปรโรมมิ่งไปดี เพราะแต่ละอย่างก็มีข้อดีและข้อเสียที่ไม่เหมือนกัน
บทความนี้จะพูดถึง “จีนแผ่นดินใหญ่” เท่านั้น ไม่รวมถึงมาเก๊าหรือฮ่องกงนะครับ มาเริ่มต้นกันเลยดีกว่าครับ
จะขอแยกเป็น 2 ส่วนนะครับ คือ
1.การซื้อ Unlimited data roaming ไปใช้
2.การซื้อ Local sim ใช้
3.สรุปข้อดี-ข้อเสีย ของทั้ง 2 แบบ
Unlimited data roaming
ปัจจุบันมีเพียงแค่ 3 เครือข่ายในเมืองไทยเท่านั้นครับที่มีบริการ Unlimited data roaming ในประเทศจีนทั้งประเทศ ซึ่งก็คือ AIS, DTAC และ True ซึ่งแต่ละบริษัทก็จะมีความแตกต่างกันในรายละเอียดเล็กน้อย
- มีแพ็กเกจใช้เน็ตได้ไม่จำกัดปริมาณ data ในระยะเวลาที่กำหนดเอาไว้ในเมืองจีน
- ใช้ได้กับทั้งเครือข่าย China Mobile และ China Unicom
- สำหรับตัวผมเองได้มีประสบการณ์เมื่อเอามือถือจากเมืองไทยที่รองรับ 3G 2100 Mhz ไป (Samsung Galaxy Note 8.0 และ IPhone 5 จะสามารถเลือกเครือข่ายที่ต้องการได้ไม่ว่าจะเป็น China Unicom (เอาไว้เล่นเน็ต) หรือ China Mobile (เอาไว้โทรศัพท์) และยังสามารถ “สลับไปมา” ได้ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในแพ็กเกจครับ
- “ใช้ AIS Roaming ไม่ต้องห่วงเน็ตรั่ว เพราะมีบริการแจ้งเตือน และสามารถเช็คปริมาณการใช้งาน data คงเหลือผ่าน AIS Roaming App ได้”
- เมื่อใช้ครบตามกำหนดระยะเวลาที่สมัครไว้ ก็จะถูกตัดไปโดยทันทีแบบอัตโนมัติ ไม่ต้องพะวงเรื่อง bill shock แต่อย่างใดครับ
มีแพ็กเกจใช้เน็ตได้ไม่จำกัดปริมาณ data เช่นเดียวกันครับ
- แต่สำหรับประเทศ “จีน” จะรองรับสัญญาณเพียงของ “China Mobile” เท่านั้น ซึ่ง “ไม่สามารถ” นำมือถือจากเมืองไทยไปเล่นอินเตอร์เน็ต 3G ที่เมืองจีนได้ (จะได้เป็น Edge แทนนะครับ)
- ราคาค่าใช้จ่ายแพงกว่าของทาง AIS เล็กน้อยครับ
- รองรับสัญญาณของเครือข่าย China Mobile และ China Unicom เหมือนกับของทาง AIS
การใช้งานของ AIS unlimited data roaming ในเมืองจีน
- ผมได้ใช้บริการตัวนี้ใน 5 วันแรกที่มาถึงเมืองจีนตลอดเวลาที่อยู่ในมณฑลซินเจียง สัญญาณดีมากครับ (ใช้เครือข่ายของ China Unicom) 3G มีตลอดทาง จะหายไปบ้างก็ช่วงเวลาที่อยู่กลางทะเลทรายครับ
- ผมลองทุกอย่างตั้งแต่เล่นไฟล์วีดีโอ HD ของ Youtube ดูฟุตบอล streaming ผ่านอินเตอร์เน็ตแบบไม่สะดุดใจ)
- ถ้าไปกันเป็นแก๊งค์ เช่น 3-4 คนขึ้นไป การเปิด wifi-hotspot อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีในการแชร์อินเตอร์เน็ตแบบไม่จำกัดให้เพื่อนได้
- เราสามารถเล่น “Facebook, Twitter, Gmail, LINE” แบบ 100% และอื่นๆอีกมากมายที่ถูกบล็อกจากทางรัฐบาลได้ครับ (อันนี้จากประสบการณ์การใช้ตลอด 5 วัน) ซึ่งถ้าซื้อซิมแบบปกติต้องใช้ VPN (Virtual private network) ซึ่งต้องเสียเงินเพิ่มอีกถึงจะสามารถใช้งานได้ครับ (แบบฟรีก็มีแต่ไม่เสถียร)
- Instagrams ไม่ถูกบล็อกนะครับ ซิมธรรมดาในเมืองจีนก็สามารถเล่นได้อย่างสบาย
การซื้อ Local sim จะถูกบล็อค Facebook, Twitter, Google แต่ถ้าใช้โรมมิ่งมาก็สบายบรื๊อออ เล่นได้หายห่วง
แต่ถ้าเราไม่อยากที่จะใช้โรมมิ่งละ
ลองมาดูอีกทางเลือกหนึ่งกันครับ ซึ่งก็คือการซื้อซิมจีนเอาที่ประเทศจีนนั่นเอง
เครือข่ายมือถือในประเทศจีน มีทั้งหมดแค่ 3 เครือข่ายเท่านั้น และรัฐบาลเป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมดซะด้วยครับ ขอไล่ลำดับตามความใหญ่แบบนี้ละกันนะครับ
- China Mobile ใหญ่สุด มีคนใช้ 700-800 ล้านคน มีเครือข่ายที่ครอบคลุมมากที่สุดของประเทศ
- China Unicom พี่รอง มีคนใช้ราวๆ 300-400 ล้านคน
- China Telecom น้องเล็ก มีคนใช้ราวๆ 150-250 ล้านคน (ถึงจะเล็กที่สุด แต่คนใช้รวมกันยังมากกว่าคนอเมริกันทั้งประเทศรวมกันเสียอีก)
ทีนี้สำหรับ “นักท่องเที่ยวไทย” (ย้ำว่านักท่องเที่ยวนะครับ) ที่นำมือถือมาจากเมืองไทยเพื่อจะมาใช้ในเมืองจีนนั้น จะใช้เครือข่ายไหนดี
คำตอบคือ ถ้าต้องการเอามาเพื่อใช้งาน “data” (3g,internet) เป็นหลัก คำตอบนั้นคือ “China Unicom” ครับ แต่ถ้าเอามาเพื่อใช้ “โทรศัพท์” ติดต่องานเป็นหลัก คำตอบจะเปลี่ยนเป็น China Mobile ที่มีสัญญาณครอบคลุมมากกว่าแทน
ส่วนเหตุผลว่า “ทำไม” ที่ “China Unicom” เป็นที่หนึ่งในใจ คือ
อันนี้เป็นตารางสรุปเรื่องคลื่นความถี่ของค่ายมือถือต่างๆนะครับ ดูที่ China Unicom ตัวเดียวเท่านั้นพอ ผมสรุปให้ (เน้น 3G เป็นหลัก เพราะคิดว่าเอามาใช้ data เป็นหลัก)
- เป็นเครือข่ายเดียวที่รองรับ 3G ที่ 2100 Mhz ซึ่งเป็นมาตรฐานมือถือในเมืองไทย
- เครือข่ายอื่นรองรับ 3G ที่ความถี่ประหลาดๆ (เมื่อเทียบกับไทย) คือ TD-SCMA, EVDO ซึ่งมือถือบ้านเราไม่รู้จัก
มือถือในเมืองไทยส่วนใหญ่ 99.99% เป็น 3G 2100 Mhz หมดครับ (เช่น Iphone, Samsung) แต่ยังไงก็ตามลองเช็คดูก่อนก็ได้นะครับเพื่อความชัวร์
ยกตัวอย่าง เอา Iphone 6 จากเมืองไทยไปซื้อซิมของ China Unicom เล่น 3G ได้ความเร็วตามมาตรฐาน (10-20 Mbp/s) แต่ถ้าเอาไปใช้กับ China Mobile จะได้เป็นความเร็วแค่ 2G (Edge ที่ความเร็ว 320kb/s) หรือถ้าเอาไปใช้กับ China telecom ยิ่งหนักกว่าเดิม เพราะจะใช้ไม่ได้เลย
หมายเหตุ แต่ถ้าเอาไปใช้โทรอย่างเดียว มือถือที่เอาไปจากไทยสามารถใช้กับ “China Unicom” หรือ “China Mobile” ได้นะครับ เนื่องจาก 2G รองรับความถี่ที่ 900,1800 Mhz ทั้งคู่ครับ
มาถึงตรงนี้แล้วผมจึงจะขอลงรายละเอียดของ China Unicom โดยตรงเลยละกันนะครับ
China Unicom
เขาว่ากันว่ามีสัญญาณครอบคลุมเป็นลำดับสองของประเทศที่แสนจะยิ่งใหญ่ แต่ตัวผมเองใช้บริการเครือข่ายนี้ตั้งแต่เมืองที่อยู่ทางภาคตะวันตกสุด “คัชการ์ มณฑลซินเจียง” เลาะตะเข็บทะเลทรายจนมาถึงมณฑลกานซู เข้าเมืองซีอาน ไปเมืองฉงชิ่ง จนมาจบที่เมืองคุนหมิงจนต่อมาถึงสิบสองปันนาที่อยู่ทางภาคใต้สุด ความแรงสัญญาณ 3G ถือว่าอยู่ในระดับ “ดีมาก” จะหายไปบ้างก็ตอนอยู่กลางทะเลทรายไม่ก็ในอุโมงค์เท่านั้นแหละครับ ส่วนทางภาคตะวันออกเช่น ปักกิ่ง หรือ เซี่ยงไฮ้นั้นดีหายห่วงอยู่แล้วครับ
จะซื้อซิมได้อย่างไร
ถ้าไม่นับการจะไปเที่ยวในเขตที่ “อ่อนไหว” ทางการเมืองเช่น “ซินเจียง” หรือ “ทิเบต” แล้ว การซื้อซิมเป็นเรื่องที่ง่ายมากครับ สามารถเดินเข้าไปยังร้านค้าที่มีเครื่องหมายของบริษัทเท่านี้ก็จะได้ซิมมาครอบครองได้อย่างง่ายดาย
แต่ๆๆๆ ร้านมือถือส่วนใหญ่ในเมืองจีนนั้น หาคนที่พูดภาษาอังกฤษในร้านได้ยากยิ่งกว่าถูกเลขท้ายสองตัวอีกครับ ถ้าเราพูดจีนได้ก็สบายไป แต่ถ้าพูดไม่ได้นี่ยิ่งกว่าการผจญภัยเลยครับ ในเมืองเอกอย่างปักกิ่งหรือเซี่ยงไฮ้ไม่ลำบากครับ
เนื่องจากการซื้อซิมสำหรับชาวต่างชาติทุกคนต้อง “ลงทะเบียน” ดังนั้นไม่แนะนำให้ไปซื้อตามริมถนนที่มีคนขายหรือร้านเล็กๆข้างทาง (ซึ่งลงทะเบียนไม่ได้และคุยยิ่งกว่าไม่รู้เรื่อง) แต่ไปให้ร้านตามสัญลักษณ์ด้านบน ชื่อ “WO” เป็นศูนย์บริการของทางบริษัทครับ (คล้ายๆ Telewiz ของทาง AIS ไรแบบนี้) ซึ่งสามารถทำได้ทุกอย่างแบบบูรณาการตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำครับ และมักจะมีพนักงานอย่างน้อยที่สุดหนึ่งคนที่มีภาษาอังกฤษขั้นพื้นฐานอยู่มากๆอยู่ครับ
และเนื่องด้วยแผนที่ๆดีที่สุดในโลกอย่าง “Google map” นั้นถูกซูเปอร์ไฟร์วอลล์ของรัฐบาลจีนบล็อกไปเรียบร้อย การจะหาสาขาศูนย์บริการว่าอยู่ที่ใดนั้น ให้ไปใช้แผนที่อย่าง Bing, Yahoo หรือ Baidu แทน (พูดเป็นเล่นนะครับ คนจีนใช้ Baidu อย่างจริงจังแบบที่คนไทยเราใช้ Google เลยละครับ)
หมายเหตุ ผมใช้เวลาถึง 3 วันใน 4 สาขาบริการ ในมณฑลซินเจียง ล้วนถูก “ปฎิเสธการขายซิมทุกครั้ง” เนื่องจากเขาไม่ขายให้คนต่างชาติ จนมาจบในสาขาที่ 5 ที่ขายให้ผม ซึ่งตอนนี้ด้วยเหตุผลอะไร ผมก็ยังไม่เข้าใจจนทุกวันนี้ครับ (ในทิเบตนี้ไม่มีข้อมูลนะครับ)
ราคาค่าแพคเกจ
แพคเกจมือถือมีมากมายจนงง แต่ละมณฑลก็เหมือนจะมีโปรโมชั่นของตัวเอง แต่ผมจะขอยกมาเฉพาะในส่วนที่คิดว่านักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวอย่างมากไม่เกิน 30 วันนะครับ (ถ้ามาอยู่หลายๆเดือน คงต้องพิจารณาแพคเกจอื่นก่อนด้วยนะครับ) หรือถ้าให้ดีที่สุดก็คือไปถามเอาที่หน้าเคาท์เตอร์ ณ จุดนั้นเลย ถ้าพูดจีนไม่ได้ก็ต้องพึ่งภาษามือกันละครับงานนี้
- 3G Value pack เป็นแพคเกจที่เอาไว้ใช้กับมือถือของเรานะครับ เช็คแพคเกจทั้งหมดได้ที่ http://310010.com/ (ภาษาจีนล้วนๆ ใช้ google translate แปลเอานะครับ) ผมขอเอาตัวอย่างที่ผมใช้ (และถ่ายมาจากร้าน) ให้ดูละกันนะครับ
- อันนี้ผมยกตัวอย่าง “Value pack A” มาให้ดูนะครับ (มี B และ C ด้วย) หลังจากใช้ตัวแปลภาษามาแล้ว จะเห็นได้ว่าถ้าต้องการปริมาณ data ที่มากขึ้นก็ตามมาด้วยค่าใช้จ่ายที่มากขึ้นเช่นเดียวกัน
- วิธีการก็คือซื้อซิมก่อน แล้วก็แจ้งแพคเกจได้เลยครับ ถ้าต้องการปริมาณ data ที่ 2 GB เมื่อรวมค่าซิมแล้วก็ราวๆ 600 RMB (ราวๆ 3,000 บาท) แพงมาก
- แบบใช้ Data อย่างเดียว
ก่อนอื่นต้องซื้อซิมก่อนนะครับ (บางที่ให้ซิมฟรี บางที่คิด 10 RMB ครับ)
และเนื่องจากประเทศจีนมีมณฑลต่างๆมากมาย เขาเลยแยกแพคเกจเป็นแบบต่างๆดังนี้
- ใช้ในเฉพาะเขตมณฑลที่เราซื้อเท่านั้น เช่นซื้อที่ซินเกียงก็ใช้ได้แต่ในซินเกียงเท่านั้น ไปใช้ในปักกิ่งไม่ได้ครับ
- ใช้ได้ทั่วประเทศจีน ราคาก็จะแพงขึ้นมาอีกครับ
เช่น ถ้าต้องการปริมาณ data 2 GB รวมค่าซิมไปแล้วก็ราวๆ 100 RMB (500 บาทครับ)
ทีนี้ลองมาดูอีกวิธีหนึ่งที่อาจจะทำให้ชีวิตเราสะดวกสบายขึ้น ไม่ต้องไปผจญภัยในร้านโทรศัพท์เมืองจีนกัน นั่นก็คือการเปิดโรมมิ่งไปจากประเทศไทยนั่นเองครับ
สรุป ข้อดี-ข้อเสีย ของการเปิดโรมมิ่งมาใช้กับการมาซื้อซิม
AIS Unlimited data roaming | Sim card China Unicom | |
การซื้อซิม | ง่ายที่สุด เพราะใช้ได้เลย | มีตั้งแต่ง่ายที่สุดเพราะเจอคนขายใช้ภาษาอังกฤษได้จนถึงยากที่สุดเพราะคุยกันไม่รู้เรื่อง |
ประสิทธิภาพ | ดีมาก (ใช้เครือข่ายเดียวกัน) | ดีมาก (ใช้เครือข่ายเดียวกัน) |
ราคา | แพงกว่าการซื้อซิมทั่วไป | ถ้าซื้อเพียงแค่เล่นอินเตอร์เน็ต ค่าใช้จ่ายถือว่าเหมาะสม |
ข้อดี | – ใช้ Facebook, Twitter, Google ได้- ไม่จำกัดปริมาณ data- สลับเปลี่ยนเครือข่ายได้ตลอดเวลา- ตัดปัญหาความกวนใจเรื่องการซื้อซิมไปได้ทั้งหมด | – ราคาเป็นมิตรกับนักท่องเที่ยวแบกเป้มาก |
ข้อเสีย | – ราคาสูงกว่าการซื้อซิม | – ไม่สามารถใช้ facebook, Google, Twitter ได้ |
ความคุ้มค่า | ดี | ดีมาก |
ข้อสังเกต | – ถ้าไปคนเดียวแต่ซื้อบริการไป 1 คนแล้วเปิด wifi-hotspot ให้แก่กัน จะประหยัดได้มากขึ้นเยอะ |
TIPs
- การซื้อ AIS data roaming โรมมิ่ง ไปใช้ ดูเผลินๆเหมือนจะแพง แต่ถ้าเรามาพิจารณาถึงจำนวนคนที่เที่ยวด้วยกัน และจำนวนวันที่ไปเที่ยวด้วยแล้ว อาจจะไม่แพงจริงๆก็ได้นะครับ เพราะฟังค์ชั่น wifi-hotspot นี่เองที่ทำให้เราลดค่าใช้จ่ายได้ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยว่าเวลาใช้งานต้องยืนอยู่ใกล้ๆกัน จะแอบไปโทรหาแฟนไม่ให้เพื่อนเห็นนี่ไม่ได้นะครับ
- ยกตัวอย่าง ไปเที่ยว 5 คน ที่ปักกิ่ง เป็นเวลา 5 วัน และทุกคนต้องการใช้เน็ต
AIS Unlimited data roaming | Sim card China Unicom | |
จำนวนแพคเกจที่ต้องซื้อ | 1 | 5 |
ปริมาณ data | ไม่จำกัด | 2 GB (5 คนรวมกัน 10 GB) |
ความเร็ว | 3G (แต่ถูกแชร์ความเร็วให้ทั้ง 5 คน) | 3G |
Facebook, Twitter, Google | ใช้งานได้ทั้ง 5 คน | เล่นไม่ได้ |
VPN | ไม่จำเป็นต้องซื้อ | ต้องซื้อ VPN เพิ่มเติมถ้าต้องการใช้ Facebook, Twitter, Google services |
ค่าใช้จ่าย | 400 บาท/คน (2,000 บาท/แพคเกจ) | 300-400 บาท/คน (data คนละ1-1.5 GB/person) |
WIFI – HOTSPOT ช่วยทำให้การใช้โรมมิ่งมีประสิทธิภาพและคุ้มค่าคุมราคายิ่งขึ้น
บทส่งท้าย
ทั้ง 2 วิธี ไม่ว่าจะเป็นการไปซื้อซิมใช้เอง หรือเปิดบริการโรมมิ่งไป ให้สัญญาณอินเตอร์เน็ตที่ดีเท่ากัน (เพราะใช้เครือข่ายของ China Unicom เหมือนกัน) ดังนั้นแล้วส่วนที่แตกต่างกันจะเป็นเรื่องของราคามากกว่าครับ ซึ่งมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป ขึ้นกับสถานการณ์ของผู้ที่จะใช้มากกว่าอย่างที่ผมได้ยกตัวอย่างไว้ด้านบนนะครับ
ขอให้เที่ยวเมืองจีนได้อย่างสนุกสมตามความตั้งใจทุกๆคนนะครับ
หากใครสนใจอุปกรณ์การเดินทาง เป้แบคแพค เสื้อแจ็คเก็ตกันลมกันฝน เสื้อขนเป็ด ลองจอน ถุงมือกันหนาว
สามารถเข้าไปเลือกชมสินค้าได้ที่ ร้านของพวกเรา The Puffin House
สำหรับคนไทยที่ไปท่องเที่ยวหรืออาศัยอยู่ที่ประเทศจีน แล้วมีปัญหาเข้า facebook youtube หรือเล่น line ไม่ได้ แนะนำบริการ GO-ON VPN สะดวกดีครับ ราคาคาถูกมาก บริการดี สมัครง่าย เติมเงินแค่ 50 บาทก็ใช้งานได้แล้วครับ มีทดลองใช้งานฟรีด้วยครับ
https://www.goonvpn.com/